วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2024

โควิด-19 : ภูมิใจไทยปัดข่าวลือยุบศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อ กับข่าวจริงฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ตำรวจบุรีรัมย์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล กับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ปล่อยขบวนรถไฟส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนาใน 7 จังหวัดอีสานใต้ เมื่อ 27 ก.ค.

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

นายอนุทิน ชาญวีรกูล กับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ปล่อยขบวนรถไฟส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนาใน 7 จังหวัดอีสานใต้ เมื่อ 27 ก.ค.

นายกรัฐมนตรีเรียกผู้เกี่ยวข้องหารือเกี่ยวกับการบริหารจัดการศูนย์ฉีดวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดของไทย สั่งปรับแนวทางให้บริการประชาชน ห้ามวอล์กอินตั้งแต่ 1 ส.ค. หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) ออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องการยุบศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ

สองรัฐมนตรีสังกัดพรรคภูมิใจไทย (ภท.) อย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ควงคู่กันออกงานในช่วงเช้า เพื่อปล่อยขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษขบวนแรก จัดส่งผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 135 ราย เข้ารับการรักษาตัวในภูมิลำเนา 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนใต้ ประกอบด้วย นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ

รถไฟขบวน 971 นี้ เป็นรถไฟโดยสารเชิงพาณิชย์ขบวนใหม่ รุ่น CNR ออกเดินทางในเวลา 09.00 น. จากสถานีรถไฟรังสิต จ.ปทุมธานี ปลายทาง จ.อุบลราชธานี

การปรากฏตัวของนายอนุทิน หัวหน้าพรรค ภท. และนายศักดิ์สยาม เลขาธิการพรรค ภท. เกิดขึ้นท่ามกลาง 2 ข่าวใหญ่ที่เกี่ยวเนื่องกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 และเกี่ยวข้องโดยตรงกับ ภท.

ข่าวแรก เกิดขึ้นที่ จ.บุรีรัมย์ ว่าด้วย “วัคซีนก้นขวด” ที่นำมาฉีดให้นายตำรวจ

อีกข่าว เกิดขึ้นที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ กทม. โดยปรากฏกระแสข่าวยุบศูนย์ฉีดวัคซีนแห่งนี้

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

รถไฟขบวน 971 เป็นรถไฟขบวนแรกที่นำผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนา โดยออกเดินทางจากสถานีรถไฟรังสิต จ.ปทุมธานี ปลายทางอุบลราชธานี

นายอนุทินออกมาปฏิเสธทันควันว่าไม่เป็นความจริง เพราะถ้าดูยอดการฉีดวัคซีนของสถานีกลางบางซื่อ ณ วันที่ 26 ก.ค. สามารถฉีดให้ประชาชนได้มากถึง 1 ล้านคนแล้ว

“จะยุบได้อย่างไร ไม่ต้องกังวล เราทำสิ่งที่ดีแล้ว” นายอนุทินกล่าวกับผู้สื่อข่าว

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องผ่านระบบวีดิโอคอนฟีเรนซ์ นอกจากนายอนุทิน, นายศักดิ์สยาม ยังมี พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)

มีรายงานว่า ที่ประชุมมีมติให้ศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อปรับแนวทางโดยการดำเนินการ โดยใช้มาตรการเว้นระยะห่างอย่างเข้มงวด และตั้งแต่ 1 ส.ค. ประชาชนที่จะเข้ารับวัคซีน ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าเท่านั้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้เตรียมย้ายโรงพยาบาลบุษราคัม ที่อิมแพคเมืองทองธานี ไปใช้อาคารสนามบินสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในช่วงกลางเดือน ต.ค. เนื่องจากหมดสัญญากับทางเมืองทองธานี

ข่าวลือ-ข่าวปล่อย ปิดศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อ

ศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ จุดฉีดวัคซีนใหญ่ที่สุดของไทย ตกเป็นข่าวระดับพาดหัวไม้ของหนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 27 ก.ค. ด้วยข้อความว่า “ศบค. เล็งยกให้ กทม. คุมแทน สธ. หึ่งยุบฉีดบางซื่อ”

นอกจากมติชน ยังมีสื่ออีกอย่างน้อย 2 สำนักคือ ข่าวสด และผู้จัดการออนไลน์ รายงานตรงกันโดยอ้างแหล่งข่าวว่าผู้บริหาร ศบค. ส่งสัญญาณให้หยุดฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ และใช้คำพาดหัวข่าวทำนองว่า สะพัด ลด-เลิก-ปิด-ยุบ สถานีฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อลดความหวาดระแวงทางการเมือง แล้วจัดทีมแพทย์ไปฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นแทน”

ทว่าไม่มีการขยายความว่า “ความหวาดระแวงทางการเมือง” ที่ว่านั้น หมายถึงอะไร

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

ตลอดทั้งวันจันทร์ที่ 26 ก.ค. ชื่อศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อถูกหยิบยกมาพูดคุยในที่ประชุมผู้เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19

เช้า คุยกันในวงศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ที่มี พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธาน

บ่าย คุยกันในวงหารือที่ สธ. โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สธ. เป็นประธาน

ในระหว่างการแถลงข่าวรายวัน พญ. อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวถึงปัญหาความแออัดที่จุดฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยระบุว่า ศปก.ศบค. ได้หารือกันมาตลอด เพราะนอกจากประชาชนในกรุงเทพฯ ยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดเข้ารับบริการด้วย อาทิ ราชบุรี สุพรรณบุรี หลังทราบข่าวว่าเปิดวอล์กอินให้ฉีดวัคซีนได้ สธ. มีความเป็นห่วงว่าขณะนี้เราอยู่ในมาตรการห้ามเคลื่อนย้าย/เดินทาง โดยเฉพาะการเข้าออกพื้นที่สีแดงเข้มยังเป็นข้อห้าม แต่การฉีดวัคซีนก็เป็นนโยบายที่เร่งระดมให้ฉีดวัคซีน

“ขอฝากไปยังสถานีกลางบางซื่อ อาจมีการทบทวนเรื่องของการชะลอ เพราะตอนนี้เห็นประชาชนออกมากันออกันเยอะ การจัดระเบียบ การเว้นระยะห่าง ก็ทำได้ค่อนข้างจำกัด ในที่ประชุมจะหารืออย่างเร่งด่วน เพราะตอนนี้ยังอนุญาตให้วอล์กอินมาฉีดวัคซีนได้ แต่ขอให้ประชาชนทราบว่ามีแออัดพอสมควร หากชะลอได้ในช่วงนี้อาจต้องชะลอก่อน” ผช.โฆษก ศบค. กล่าว

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

เกือบทันทีทันใด นายอนุทินให้ข้อมูลในอีกด้านหนึ่ง โดยชี้ให้เห็นความสำเร็จในเชิงปริมาณของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

  • ตั้งแต่ 24 พ.ค.-25 ก.ค. ฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้ว 988,788 โดส
  • มีบุคลากรปฏิบัติหน้าที่ 422 คน ซึ่งได้ตรวจหาเชื้อเป็นระยะ ๆ “ที่ผ่านมา ยังไม่พบบุคลากรที่ให้บริการติดเชื้อ”
  • กระทรวงคมนาคมได้เข้าไปวางระบบให้มีการเว้นระยะห่างเพิ่มเติมเพื่อลดความแออัด, ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสวมหน้ากาก 100% และมีจุดล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์

ภารกิจหลักของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อจนถึงสิ้นเดือน ก.ค. คือเปิดให้กลุ่มเปราะบางที่นายอนุทินเรียกว่ากลุ่ม “602” อันหมายถึง ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, ผู้มีน้ำหนักเกิน 100 ก.ก. และหญิงตั้งครรภ์ วอล์กอินเข้ารับบริการได้จนถึง 31 ก.ค.

จากนั้นตั้งแต่วันที่ 1-31 ส.ค. จะเปิดให้บริการฉีดวัคซีนในประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ที่จองคิวฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 โดยลงทะเบียนผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และไม่ให้วอล์กอินเพื่อลดความแออัด โดยรับฉีดวันละ 20,000 คน

ภายหลัง ผู้ควบคุมศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อออกมาโชว์ศักยภาพในการให้บริการประชาชน ก็มีกระแสข่าวลือ-ข่าวปล่อยตามหลังมาว่า ศบค. จ่อยุบศูนย์ฉีดวัคซีนแห่งนี้

ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

คำบรรยายภาพ,

นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมศูนย์วัคซีนกลางบางซื่อ ณ สถานีกลางบางซื่อ ในวันคิกออฟฉีดวัคซีนทั้งประเทศ (7 มิ.ย.)

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เคยใช้สถานที่แห่งนี้ประกาศภารกิจปูพรมฉีดวัคซีนทั้งประเทศเมื่อ 7 มิ.ย. มาแล้ว

สำหรับศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ บริหารจัดการโดยกรมการแพทย์สังกัด สธ. และกระทรวงคมนาคม โดย 2 กระทรวงนี้ มีหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ภท. เป็นเจ้ากระทรวง และน่าจะเป็นพื้นที่เดียวในเมืองหลวงที่นายอนุทินแวะไปตรวจเยี่ยมและติดตามการบริหารจัดการวัคซีนบ่อยที่สุด และด้วยความสบายใจ

ท่ามกลางปรากฏการณ์ “วัคซีนไม่มาตามนัด” หรือ “หมอพร้อม ประชาชนพร้อม แต่วัคซีนไม่พร้อม” ที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อได้รับการจัดสรรวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าฉีดให้ประชาชนอย่างสม่ำเสมอราว 10,000 โดส/วัน เคยให้บริการสารพัดกลุ่มเป้าหมาย อาทิ บุคลากรด่านหน้าด้านขนส่งสาธารณะ, กลุ่มองค์กรเอกชนที่ประสานงานไปยัง สธ. (เช่น สมาคมภัตตาคารไทย), กลุ่มครูและบุคลากรทางการศึกษา, กลุ่มเปราะบางต่าง ๆ และเป็นจุดฉีดวัคซีนเดียวที่เปิดให้ประชาชนวอล์กอินได้ จนนำไปสู่ภาพประชาชนแห่ไปรอเข้ารับวัคซีนต้านโควิด-19 และทำให้ ศบค. ส่งสัญญาณให้ “ชะลอ”

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง และโฆษก ภท. แสดงความตกใจต่อกระแสข่าวที่ออกมา โดยระบุว่า จุดฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อเกิดขึ้นเพราะความไร้ระบบของการฉีดวัคซีนใน กทม. เบียดแบ่งเอาโควตาวัคซีนของคนต่างจังหวัดเพื่อฉีดให้คน กทม. สุดท้ายคน กทม. ก็ไม่ได้ฉีดเท่าที่ควร พร้อมเปรียบเปรยจุดฉีดวัคซีนแห่งนี้ว่า “โอเอซีส วัคซีนของคน กทม.”

ในระหว่างที่คนไทยกำลังต่อสู้กับ “สงครามโรคระบาด” และผู้มีอำนาจกำลังเปิด “ศึกชิงวัคซีน” บรรดา ลูกพรรค ภท. สลับกันออกมาปกป้อง “หัวหน้าหนู” เป็นระยะ ๆ โดยยืนยันว่านายอนุทินเป็น รมว.สธ. ที่ไม่มีอำนาจในการจัดหาและจัดการวัคซีนตั้งแต่ 9 เม.ย. ไม่ว่าวัคซีนหลักหรือวัคซีนทางเลือก เพราะโดน ศบค. ยึดอำนาจไปแล้ว โดย สธ. เป็นเพียงผู้รับคำสั่ง แต่กลับถูกวิจารณ์และกล่าวหาอย่างร้ายแรง

“อนุทินวันนี้ กลืนเลือด ไม่ท้อ ไม่ถอย ยอมให้ด่าทุกเรื่อง แต่อดทน เพราะอาสามาทำงานเพื่อประชาชน เป็นหัวหน้าพรรคที่บอกลูกพรรคที่ห่วงใยว่ากลับไปหาประชาชน ไม่ต้องห่วงผม” นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ภท. ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อ 18 ก.ค.

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

นายอนุทิน กับลูกพรรคของเขา ในสภา

วัคซีนก้นขวดที่บุรีรัมย์

ไม่ว่าบังเอิญ หรือจงใจ ข่าวลือยุบศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ถูกปล่อยออกมาในจังหวะที่เมืองหลวงของ ภท. อย่าง จ.บุรีรัมย์ กำลังถูกตั้งคำถามอย่างหนักว่าทำไมถึงมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 3 ไปฉีดให้นายตำรวจในพื้นที่แล้ว และแพทย์และบุคลากรด้านสาธารณสุขด่านหน้าได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 แล้วหรือยัง

ข่าวนี้เป็นข่าวจริง ที่ปล่อยออกมาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของหน่วยงานรัฐเอง โดยปรากฏภาพชายหัวเกรียนกำลังฉีดวัคซีน พร้อมคำบรรยายภาพว่า “วันที่ 23 ก.ค. พ.ต.อ. สุเอก ฉินธนทรัพย์ ผกก.สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ได้รับการประสานการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิเข็มที่ 3 ยี่ห้อแอสตร้าเซนเนก้า กับทางสาธารณสุขอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ โดยมีเจ้าหน้าที่ รพ. ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับข้าราชการตำรวจแล้วจำนวน 11 นาย อาการผลข้างเคียงไม่มี”

ข้อความและภาพต่าง ๆ ได้รับการเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก “สถานีตำรวจภูธรบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์” ก่อนที่โพสต์จะปลิวหายไป หลังถูกผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเหตุใดวัคซีนที่คนไทยรอคอย ถึงไปกระจุกตัวอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ ขณะที่คนส่วนใหญ่ของประเทศยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรก

ผลที่ตามมาคือ

  • 23 ก.ค. พล.ต.ต. ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และโฆษกตำรวจภูธรภาค 3 ชี้แจงว่า ตำรวจทั้ง 11 นายนี้ทำหน้าที่ “พลขับยานพาหนะที่มีจิตอาสา” คอยรับและส่งตัวผู้ติดเชื้อเพื่อไปส่งสถานพยาบาลต่าง ๆ จึงได้แจ้งให้สาธารณสุขอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ทราบ ทางสาธารณสุขอำเภอจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมวัคซีนมาฉีดให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 11 นายเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม
  • 23 ก.ค. สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) บุรีรัมย์ ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ได้จัดเตรียมวัคซีน 7,964 โดส เพื่อฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้ให้บริการด่านหน้าและได้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า กระตุ้นเข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบริการด่านหน้า 3,533 คน
  • 25 ก.ค. นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ รองผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ เป็นประธาน และให้สรุปข้อเท็จจริงให้ผู้ว่าฯ ทราบโดยด่วน และได้ทำหนังสือแจ้งปลัด สธ. ให้ทราบแล้ว
  • 26 ก.ค. สื่อหลายสำนัก อาทิ มติชน, ไทยรัฐ, ไทยโพสต์ รายงานคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต. รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จ.) บุรีรัมย์ ที่ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้เบียดบัง หรือไปเอาโควตาวัคซีนของหมอหรือพยาบาลมา แต่จำนวนวัคซีนที่ลงไปเป็นวัคซีนของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ส่วนหนึ่ง กับกลุ่มเสี่ยงอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งวัคซีนขวดหนึ่งสามารถนำไปแบ่งฉีดได้ 11-12 โดส และโดยทั่วไป บุคลากรทางการแพทย์สามารถบริหารส่วนนี้ได้ ส่วนที่เป็นเศษ 1 หรือ 2 ได้ กรณีที่มีเศษ เจ้าหน้าที่พิจารณากันแล้วว่าตำรวจก็มีส่วนเป็นด่านหน้าเช่นเดียวกัน และสาธารณสุขแต่ละอำเภอรู้ว่ามีตำรวจคนไหนบ้างที่เข้าโครงการกลับภูมิลำเนา จึงประสานมาและตำรวจทั้ง 11 นายนี้ได้เข้าไปฉีด ซึ่งตำรวจชุดนี้อยู่ในโครงการ “ทำดีด้วยหัวใจ สู้ภัยโควิดด้วยศรัทธา” และมีผลการปฏิบัติหน้าที่จริง ๆ
  • 26 ก.ค. ฝ่ายการเมือง อาทิ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกรองให้รัฐบาล และ สธ. ชี้แจงว่า ตำรวจจังหวัดอื่นได้ฉีด “วัคซีนก้นขวด” เข็มที่ 3 กันบ้างแล้วหรือยัง “หากยังก็แสดงว่ามีการเลือกปฏิบัติจริง ๆ” และแสดงความวิตกว่า “รัฐบาลจะพังกับวัคซีนก้นขวด”
  • 27 ก.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ประกาศยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนและวินิจฉัย กรณีการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับตำรวจใน จ.บุรีรัมย์ เข้าข่ายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 27 ประกอบมาตรา 47 และอาจเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช.

“รมว.สธ. และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีฐานที่มั่นทางการเมืองอยู่ จ.บุรีรัมย์ต้องมีคำตอบให้กับสังคมในเรื่องนี้” นายศรีสุวรรณกล่าวและว่า หากปล่อยให้การจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นไปโดยอำเภอใจของฝ่ายการเมืองและข้าราชการเส้นใหญ่บางจำพวก หรือพวกมือที่มองไม่เห็น การกระจายวัคซีนที่ควรจะเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมให้กับคนทั้งประเทศก็คงจะบิดเบี้ยวต่อไป

ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ

หลวงพ่อโตคู่บ้าน ถิ่นฐานปราสาทขอม ข้าว หอม กระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี

Related Posts

Next Post

บทความ แนะนำ

No Content Available

หมวดบทความ

Welcome Back!

Login to your account below

Create New Account!

Fill the forms below to register

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.