ศบค.เคาะมาตรการ “ล็อกดาวน์” คุมเข้มโควิด-19 พื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด ปิดสถานที่เพิ่มเติม งดการเคลื่อนย้าย เคอร์ฟิว 21.00 – 04.00 น. ปิดห้าง-ร้านอาหาร 2 ทุ่ม บังคับใช้ 12 ก.ค.เป็นต้นไป
วันนี้ (9 ก.ค.64) เวลา 16.00 น. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงถึงการยกระดับมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยหลักคิดในการกําหนดมาตรการครั้งนี้ เพื่อจํากัดการเคลื่อนย้ายและการรวมกลุ่มของบุคคลขั้นสูงสุด รวมทั้งกําหนดเวลาการออกนอกเคหะสถาน ควบคู่ไปกับการเร่งรัดมาตรการด้านการป้องกันโรค การฉีดวัคซีน การควบคุมโรค การรักษาพยาบาล รวมทั้งการเยียวยา โดยที่ประชุม ศบค.เห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เสนอ ดังนี้
– พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด (คงเดิม)
ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา
– พื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 19 จังหวัด)
ได้แก่ กระบี่ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตาก นครนายก นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง อุทัยธานี
– พื้นที่ควบคุม 25 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 16 จังหวัด)
ได้แก่ กาฬสินธุ์ กําแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยภูมิ ชุมพร ตรัง ตราด บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สตูล สระแก้ว สุโขทัย สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองบัวลําภู อุดรธานี อุบลราชธานี
– พื้นที่เฝ้าระวังสูง 18 จังหวัด (ลดลง 39 จังหวัด)
ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ นครพนม น่าน บึงกาฬ พะเยา พังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ลําปาง ลําพูน สกลนคร หนองคาย อํานาจเจริญ อุตรดิตถ์
ทั้งนี้ ข้อปฏิบัติในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีดังนี้
1. จํากัดการเคลื่อนย้ายและการดําเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด (เฉพาะกรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
– กําหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนใช้การปฏิบัติงานในลักษณะ Work From Home ให้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่สําคัญ และการบริการประชาชน
– ระบบขนส่งสาธารณะ ปิดให้บริการในเวลา 21.00 – 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
– ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดให้บริการในเวลา 20.00 – 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
– ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน ทั้งนี้เปิดให้บริการได้ถึงเวลา 20.00 น.
– ร้านจําหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหารหรือสุราหรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
– ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม
– สวนสาธารณะ สามารถเปิดให้บริการสําหรับการออกกําลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น.
– สถานศึกษาในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด ตามข้อกำหนดเดิม อนุญาตให้เรียนออนไลน์เท่านั้น
– ห้ามการรวมกลุ่มทํากิจกรรมทางสังคม ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ กิจกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมตามประเพณี ที่มีการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
2. ห้ามการเดินทางที่ไม่จําเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 – 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจําเป็นยิ่ง หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี
3. การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างยังคงเป็นไปตามข้อกําหนดของ ศบค.ที่ได้มีประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้
4. กํากับดูแลให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (D-M-H-T-T-A) อย่างสูงสุด
5. ให้เริ่มดําเนินการตามข้อ 1-4 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.64 เป็นต้นไป และให้นํามาตรการควบคุมแบบบูรณาการสําหรับพื้นที่ระดับสถานการณ์ต่างๆ ข้อห้ามและข้อปฏิบัติตามข้อกําหนด (ฉบับที่ 24, 25, 26) มาใช้บังคันเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกําหนดนี้
6. ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดลาดตระเวน เพื่อกํากับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวด โดยให้พร้อมดําเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.64 เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป ทั้งนี้กรณีตรวจพบผู้ฝ่าฝืนให้บังคับใช้บทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558
*ตั้งแต่ ข้อ 2-6 เป็นข้อปฏิบัติพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด