ปี 2564 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงโควิด-19 ระบาดอยู่ แต่ก็มีบางช่วงของปีที่สถานการณ์เบาบางจนสามารถออกเดินทางท่องเที่ยวได้ แหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทยต่างคึกคักกันถ้วนหน้า ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเดิมๆ และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้
และสำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ในปี 2564 ที่ผ่านมา แต่ละแห่งก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งเดินทางไปเที่ยว ไปเช็คอิน แล้วก็ถ่ายภาพลงโซเชียลเพื่อบอกต่อความสวยงาม ในช่วงสิ้นปีนี้จึงขอรวบรวม “7 ที่เที่ยวเปิดใหม่” มาให้ชมกัน
Harajuku Thailand
“Harajuku Thailand” (ฮาราจูกุ ไทยแลนด์) แลนด์มาร์กแห่งใหม่สไตล์ญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณสุวินทวงศ์ 110 กรุงเทพฯ บนเนื้อที่กว่า 122 ไร่ ที่ถูกเนรมิตรให้เป็นหมู่บ้านญี่ปุ่น มาเดินชิลรับลมหนาวให้คลายความคิดถึงกันไปก่อน ภายในมีจุดสักการะศาลเจ้า ฮาราจูกู และเขียนแผ่นไม้อธิษฐานให้สมปรารถนาดังตั้งใจ ครบครันด้วยความสนุกเพลิดเพลิน อาทิ สวนสนุกในร่มสำหรับเด็ก, บริการเช่าชุดกิโมโน, อาหารแสนอร่อย
The Holy Land
เมืองหุ่นเหล็ก “The Holy Land” ดินแดนท่องเที่ยวและเรียนรู้แห่งใหม่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ริมถนนพระราม 2
“The Holy Land” หรือที่เรียกกันว่า “ศักดิ์สิทธิ์ธานี” ตามชื่อของนายศักดิ์สิทธิ์ วัชรฐิติเปรมชัย เจ้าของศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย ที่เป็นผู้ก่อตั้งที่นี่ โดยได้นำเศษเหล็กที่เหลือจากการทำประตูรั้วบ้าน ซากรถทุกรูปแบบมาประดิษฐ์เป็นหุ่นยนต์ ไดโนเสาร์ ตัวการ์ตูนชื่อดัง รวมรวบไว้จนเกิดเป็นเมืองหุ่นเหล็กขึ้นมา
เมื่อเดินผ่านทางเข้าเข้ามาแล้วจะได้ตื่นตากับเมืองหุ่นเหล็กตรงหน้า ที่มีทั้งหุ่นยนต์และตัวการ์ตูนสุดคุ้นตามากมาย และพลาดไม่ได้กับไฮไลต์เด่นของที่นี่ก็คือ “ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน” แบบจำลองขึ้นมาจากการใช้โครงของรถมอเตอร์ไซค์ รวมทั้งโครงสร้างชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน
สวนสาธารณะกุดหวาย
“สวนสาธารณะกุดหวาย” แลนด์มาร์กแห่งใหม่ ใน “ศรีสะเกษ” ตั้งอยู่ที่ตำบลหญ้าปล้อง อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ เป็นสวนสาธารณะสมัยใหม่ที่มีการออกแบบอย่างสวยงามมีเอกลักษณ์ และมีประโยชน์หลากหลาย ทั้งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สถานที่ออกกำลังกาย สถานที่ท่องเที่ยว จุดชมวิว จุดเช็กอินถ่ายรูป และแลนด์มาร์กใหม่ของจังหวัดศรีสะเกษ
สวนสาธารณะแห่งนี้ถือเป็นแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนหลัก ๆ ได้แก่ พื้นที่สวนสาธารณะ พื้นที่สันทนาการ หอชมวิว ทางเดินพร้อมหลังคาคลุมรอบริมบึง เลนจักรยานรอบบึง ร้านค้า และที่จอดรถ
สวนแห่งนี้มีไฮไลท์สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์คือ หอชมวิว เป็นอาคารชมวิว 3 ชั้นที่ตั้งอยู่กลางบึงน้ำ ซึ่งสามารถเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวทิวทัศน์บริเวณรอบข้างผ่านบึงน้ำในช่วงกลางวัน ส่วนช่วงกลางคืนจะเปิดไฟสวยงามให้เห็นตัวอาคารสะท้อนเงาน้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กและจุดถ่ายรูปยามราตรีที่งดงามของจังหวัดศรีสะเกษ
พระไดบุตสึ ลำปาง
“พระพุทธรูปไดบุตสึ” องค์ใหญ่โดดเด่นอยู่บนยอดเขา ตั้งอยู่ที่ “วัดพระธาตุดอยพระฌาน” ในอำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง
พระพุทธรูปไดบุตสึหรือหลวงพ่อโตนี้ ลักษณะคล้ายกับพระไดบุตสึแห่งวัดโคโตคุ เมืองคามาคุระ ประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง ธยานมุทรา (ปางสมาธิ) ห่มจีวรคลุมแบบเปิดพระอุระแบบสมดุล พระพักตร์โน้มลงไปด้านหน้า พระเนตรมองต่ำ ขนาดหน้าตัก 14 เมตร เนื้อทองแดง ประดิษฐานโดดเด่นอยู่บนเนินเขา
การก่อสร้างพระไดบุตสึแห่งลำปางนี้เริ่มต้นขึ้นในราวปี 2562 โดยองค์พระเพิ่งสร้างสำเร็จเรียบร้อยเมื่อไม่นานมานี้ และที่เห็นองค์พระพุทธรูปเป็นสีออกฟ้าอมเขียวก็เกิดจากสนิมทองแดง หรือการทำปฏิกิริยาทางเคมีของทองแดงกับสภาพอากาศนั่นเอง
ไข่พญานาค-เศียรพญานาค อุทยานแห่งชาติภูลังกา
นอกจาก “ถ้ำนาคา” (ฝั่ง จ.บึงกาฬ) และ “ถ้ำนาคี” (ฝั่ง จ.นครพนม) อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของอุทยานแห่งชาติภูลังกา ในปีนี้ก็มีการค้นพบและเปิดจุดท่องเที่ยวใหม่ในฝั่ง จ.นครพนม ได้แก่ “ไข่พญานาค” และ “เศียรพญานาค” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่ถูกนำไปเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องพญานาค
“ไข่พญานาค” หรือ “ไข่ไดโนเสาร์” มีลักษณะเป็นก้อนหินทรงกลมขนาดใหญ่ (สูงกว่าคนเล็กน้อย) พื้นผิวของหินมีรอยแตกเกิดจากปรากฏการณ์ “ซันแครก” ดูคล้ายเกล็ดงูหรือเกล็ดพญานาคดูสวยงามน่ามหัศจรรย์ ส่วน “เศียรพญานาค” (องค์ที่ 9) เป็นจุดท่องเที่ยวที่เพิ่งค้นพบใหม่ล่าสุด มีลักษณะเป็นก่อนหินทรงรูปแท่งปลายแหลมดูคล้ายเศียรพญานาค
สำหรับ ถ้ำนาคี ไข่พญานาค เศียรพยานาค เป็นจุดท่องเที่ยวที่อยู่ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสายใหม่ ภูลังกาเหนือ หรือ เส้นทางสายธรรม-สายพญานาค (ระยะทางประมาณ 12 กม.) ในเส้นทางจะมีจุดน่าสนใจต่าง ๆ ให้เที่ยวชม ได้แก่ น้ำตกตาดโพธิ์-ถ้ำนาคี-วังนาคี-ผานาคี-หินสาลึคึ-ลานธรรม (หัวภู)-หินพญาศรีสัตตนาคราช-ไข่พญานาค-หินโลมา (วาฬ) -เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์ และเศียรพญานาค (องค์ที่ 9) ที่เพิ่งค้นพบใหม่ล่าสุด
สวนป่าเบญจกิติ
เป็นส่วนหนึ่งของสวนเบญจกิติ โดย “สวนเบญจกิติ” มีพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 450 ไร่ แบ่งเป็น สวนป่าเบญจกิติ พื้นที่กว่า 259 ไร่ สวนน้ำ พื้นที่ 130 ไร่ และสวนระยะที่ 1 พื้นที่ 61 ไร่ ซึ่งสวนระยะที่ 1 นี้ได้เปิดให้บริการไปแล้ว มีทั้งผู้ใช้บริการเดิน วิ่ง และปั่นจักรยานออกกำลังกาย โดยจะมีเส้นทาง Bike Lane สามารถปั่นจักรยานได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 17.30 น.
ส่วนการก่อสร้างสวนป่าระยะที่ 2-3 บนเนื้อที่ 259 ไร่ หรือบริเวณโรงงานยาสูบเก่า ฝั่งติดทางด่วนเฉลิมมหานคร ถนนพระราม 4 เขตคลองเตย เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็นปอดของคนกรุงเทพฯ บริเวณพื้นที่ภายในสวนระยะที่ 2-3 ได้จัดการให้มีบึงน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่ชุ่มน้ำ แปลงนา เขตป่าที่มีต้นไม้หลากหลายจะมีพันธ์ไม้หายากต่างๆ ในระบบนิเวศน์ที่เหมาะสม ที่จะทำให้นก กระรอก ฯลฯ สามารถมาอยู่ร่วมกันกับคนได้ นอกจากนี้ยังมีทางเดินลอยฟ้าระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมไปยังพื้นที่สวนน้ำเบญจกิติ และมีการพัฒนาเชื่อมโยงกับสวนสาธารณะลุมพินีที่มีสะพานเขียวเชื่อมอยู่ ก่อนจะปรับปรุงใหม่ให้สวยงาม ทันสมัย ปลอดภัย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย
ไม่เพียงแค่ทางเดินลอยฟ้าที่ถือเป็นไฮไลต์ของสวนป่าเบญจกิติ ยังจุดชมเมืองกลางน้ำ มีบึงน้ำขนาดใหญ่ ดอกไม้ ขณะเดียวกันยังเป็นแหล่งเรียนรู้พันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ ที่หาดูได้ยาก โดยเฉพาะพันธุ์ไม้ประจำพระองค์ มีทางวิ่ง ทางจักรยาน และทางเดินรอบๆ พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีติดตั้งพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) เพื่อใช้เป็นพลังงานส่องสว่างภายในพื้นที่ ทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เพื่อเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงอาคารเดิม สร้างอาคารนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ ให้สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายอีกด้วย โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงต้นปีหน้า
สวนสาธารณะคลองช่องนนทรี
สวนสาธารณะแห่งล่าสุดของกรุงเทพมหานคร ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ (เฉพาะเฟสแรก) ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการฯ ประมาณเดือน ส.ค.65
“สวนสาธารณะคลองช่องนนทรี” เป็นสวนสาธารณะคลองแห่งแรกของไทยที่เมื่อสร้างเสร็จแล้ว จะมีระยะทางรวม 2 ฝั่ง 9 กิโลเมตร ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำคนกับคลองให้ใกล้ชิดกันเหมือนในอดีตที่กรุงเทพฯ เคยเป็นเมืองแห่งคลองอีกครั้งหนึ่ง
โครงการนี้ได้ดำเนินการพัฒนาคลองในรูปแบบของสวนเลียบคลอง หรือ Linear Park ซึ่งมีแนวคิดสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1.เขียว 2.คลอง 3.คน และ 4. ความรู้
สวนสาธารณะคลองช่องนนทรี ถือเป็นพื้นที่สีเขียว ในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ ที่รองรับวิถีชีวิตยุคใหม่ ซึ่งเป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แหล่งเรียนรู้ สถานที่ออกกำลังกาย อาทิ วิ่ง เดิน และปั่นจักรยาน ตลอดจนเป็นเส้นทางเชื่อมต่อการสัญจรด้วยการเดินเท้า เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเมือง นอกจากนี้สวนสาธารณะคลองแห่งนี้เมื่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นแลนด์มาร์ก สถานที่ท่องเที่ยว และจุดเช็คอินแห่งใหม่ในกทม.ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ [email protected] หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline